Recent Posts

Posts RSS

การนำสืบพยานฝ่ายตนในเรื่องที่ไม่ได้ถามค้านพยานอีกฝ่ายหนึ่งไว้ก่อน (ป.วิ.แพ่ง มาตรา 89)

ป.วิ.แพ่งมาตรา 89 บัญญัติว่า คู่ความฝ่ายใดประสงค์จะนำสืบพยานหลักฐานของตนเพื่อพิสูจน์ต่อพยานของคู่ความฝ่ายอื่นในกรณีต่อไปนี้
                                                (1) หักล้างหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขถ้อยคำพยานในข้อความทั้งหลายซึ่งพยานเช่นว่านั้นเป็นผู้รู้เห็น หรือ
                                                (2) พิสูจน์ข้อความอย่างหนึ่งอย่างใดอันเกี่ยวด้วยการกระทำ ถ้อยคำ เอกสาร หรือพยานหลักฐานอื่นใด ซึ่งพยานเช่นว่านั้นได้ทำขึ้น
                                                ให้คู่ความฝ่ายนั้นถามค้านพยานดังกล่าวเสียในเวลาที่พยานเบิกความเพื่อให้พยานมีโอกาสอธิบายถึงข้อความเหล่านั้น แม้ว่าพยานนั้นจะมิได้เบิกความถึงข้อความดังกล่าวก็ตาม
                                                ถ้าคู่ความฝ่ายใดมิได้ถามค้านพยานของคู่ความฝ่ายที่นำสืบก่อนดังกล่าวข้างต้นแล้ว ต่อมานำพยานมาสืบถึงข้อความดังกล่าวข้างต้น คู่ความฝ่ายที่นำสืบพยานก่อนชอบที่จะคัดค้านได้และในกรณีเช่นว่านี้ ให้ศาลปฏิเสธไม่ยอมรับฟังพยานเช่นว่ามานั้น..
                                คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1952/22 โจทก์เป็นฝ่ายนำสืบก่อน จำเลยนำหนังสือที่โจทก์ยกที่ดินพิพาทให้จำเลยตามเอกสารหมาย ล.1 มาอ้างภายหลังจากโจทก์ได้สืบพยานบุคคลเสร็จสิ้นไปแล้ว ในขณะที่โจทก์เบิกความ จำเลยก็มิได้ถามค้านถึงเอกสารหมาย ล.1 จึงรับฟังไม่ได้ ตาม ป.
วิ.แพ่งมาตรา 89 วรรคสอง (ฎีกาที่ 212/36)
                                ข้อสังเกต
                                1. การสืบพยานจำเลยในคดีอาญา จำเลยไม่จำต้องซักค้านพยานโจทก์ไว้ก่อน
                                คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1778/13 ในคดีอาญาแม้จำเลยจะนำสืบถึงพยานเอกสารใด โดยมิได้นำพยานเอกสารนั้นไปซักค้านพยานโจทก์ให้อธิบายไว้เสียก่อน จำเลยก็ยังอ้างเอกสารดังกล่าวเป็นพยานได้
                                2. แม้คดีอาญาไม่จำต้องซักค้านพยานโจทก์ในเรื่องที่จำเลยจะนำพยานเข้าสืบในภายหลังก็ตาม แต่พยานจำเลยดังกล่าวจะมีน้ำหนักน้อย
                                คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 994/36 จำเลยนำสืบภายหลังว่า คำให้การรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนที่โจทก์อ้างส่งศาลไม่ใช่ลายมือชื่อของจำเลย โดยเป็นการนำสืบเอาข้างเดียว

ลอย ๆ ทั้งเมื่อโจทก์นำพนักงานสอบสวนมาเบิกความจำเลยก็ไม่ถามค้านไว้ ข้ออ้างของจำเลยไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง
                                3. ข้อที่จำเลยยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไว้ในคำให้การแล้ว จำเลยไม่จำต้องซักค้านพยานโจทก์ไว้ก่อน
                                คำพิพากษาฎีกาที่ 2099/14 ข้อที่จำเลยยกขึ้นต่อสู้ไว้ในคำให้การแล้ว ถึงแม้จำเลยจะมิได้ถามค้านพยานโจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายนำสืบก่อนในข้อนี้ไว้ จำเลยก็มีสิทธินำสืบในข้อนี้ได้ ไม่ต้องห้ามตาม ป.วิ.แพ่งมาตรา 89 วรรคสอง (ฎีกา 1873/28,2329/37)
                                4. คู่ความฝ่ายที่นำพยานเข้าสืบก่อนจะต้องคัดค้านไว้ขณะที่พยานฝ่ายหลัง
เบิกความ

                                คำพิพากษาฎีกาที่ 7017/38 แม้จำเลยผู้มีหน้าที่นำสืบพยานภายหลังมิได้ถามค้านตัวโจทก์ที่นำสืบก่อนเกี่ยวกับบันทึกถ้อยคำ (ท.ด.16) ไว้ขณะที่โจทก์เบิกความเป็นพยานก็ตาม แต่เมื่อไม่ปรากฏว่า โจทก์ได้คัดค้านเสียขณะที่จำเลยอ้างส่งเอกสารดังกล่าวประกอบคำเบิกความของจำเลย จึงไม่ต้องห้ามรับฟังเอกสารนั้นเป็นพยาน (ฎีกา 952/07,262/11,486/42)

0 ความคิดเห็น:

บทความที่ได้รับความนิยม